" />

5 แนวทางจัดการกับ ความเครียด วิตกกังวล กดดัน ที่คุณเองก็ทำได้

ความเครียด วิตกกังวล กดดัน

ความเครียด หนึ่งในสภาวะทางอารมณ์ของมนุษย์ที่เกิดขึ้นเมื่อพบเจอกับปัญหาต่างๆ หรือเกิคความรู้สึกไม่สบายใจ ความกดดัน ซึ่งหลายครั้งมนุษย์เรามักจะเครียดโดยไม่รู้ตัว และแสดงปฏิกิริยาตอบสนองกับความเครียดไม่เหมือนกัน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจและพฤติกรรม ขึ้นอยู่กับมุมมอง ทัศนคติของแต่ละคน บางคนหงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ หากรู้จักแนวทางจัดการบรรเทาความเครียดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้เรารับมือกับเรื่องที่เป็นปัญหาได้ไม่ยาก

ลองหาเวลาออกกำลังกายดูบ้าง

Cortisol หรือ ฮอร์โมนความเครียดหลักของร่างกายจะทำงานอย่างหนักเมื่ออยู่ในสภาวะกดดัน ซึ่งสามารถแก้ได้โดยการจัดฮอร์โมนเอนดอร์ฟีนให้ออกมาสูบฉีดและทำงานบ้าง สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงออกกำลังกายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากรู้สึกว่ากำลังมีความตึงเครียด การออกจากโต๊ะทำงาน เดินเล่นสูดอากาศหรือยืดเส้นยืดสาย เดินขึ้นลงบันไดจะทำให้หลุดโฟกัสกับความเครียดสักระยะหนึ่ง

สำหรับการออกกำลังกายเพื่อให้เกิดฮอร์โมนเอนดอร์ฟีนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องออกแรงหนัก ไม่ต้องให้เหนื่อยหอบหรือเหงื่อตกก็ได้ แต่จะเน้นการออกกำลังกายที่ส่งผลต่อสุขภาพทางจิต ใช้การเดินเพียง 10 นาที เบนความสนใจไปกับเรื่องอื่นๆ ในแง่บวก และลืมเรื่องเครียดไปก็ช่วยได้มากทีเดียว หลังเลิกจากงานควรหาเวลาออกำลังกายอย่างจริงจัง วันละ 30 นาที เพียง 3-5 วัน ต่อสัปดาห์ เท่านี้จะช่วยให้ฮอร์โมนแห่งความสุขได้ทำงานแล้ว

คำแนะนำการออกกำลังกาย

  • เน้นการออกกำลังกายเบาๆ ไม่หนักเกินไป เช่น การวิ่งเหยาะ การเดินเร็ว เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือเหนื่อยหอบ เช่น การเล่นเวทที่น้ำหนักมากไป เป็นต้น
  • ออกกำลังกายในที่โล่ง อากาศปรอดโปร่งอย่าง สวนสาธารณะ จะช่วยทำให้รู้สึกร่มเย็น ลดความเครียดได้
หาเวลาออกกำลังกาย

ฝึกการนั่งสมาธิและฝึกจิต

เมื่อช่วงไหนที่มีความเครียด ให้ลองสังเกตตัวเราเองว่าคล้ายกับจะมีก้อนความคิดบางเรื่องวนเวียนอยู่ภายในหัวของเราตลอดเวลา ทำให้คนที่เครียดมากๆ จะต้องวนคิดซ้ำไปซ้ำมากับเรื่องเดิมๆ หรือความคิดนั้นๆ จนเกิดคำถามในหัวว่าจะหาทางออกแก้ปัญหากับเรื่องนั้นอย่างไรดี และการจมกับความเครียดนั้นจนไม่อยากทำกิจกรรมอื่นๆ เลย

แนวทางการแก้ปัญหาง่ายนิดเดียว หากรู้สึกเริ่มวิตกกังวลมากจนไม่สามารถควบคุมจิตใจตนเองได้ ให้หาเวลานั่งสมาธิ สงบจิตใจ หรือสวดมนต์ไหว้พระ ฝึกลมหายใจด้วยการกำหนดลมหายใจเข้า ลมหายใจออก จะช่วยให้ชีพจรเต้นช้าลง เราจะโฟกัสกับการกำหนดลมหายใจอยู่ในขณะนั้นและลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ยังทำสมาธิยังทำให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้นด้วย

ฝึกการนั่งสมาธิและฝึกจิต

จัดสรรเวลาชีวิตประจำวัน

หลายท่านอาจจะเคยได้ยินกับคำว่า “Work Life Balance” กันมาไม่มากก็น้อย ซึ่งเชื่อว่าอาจจะยังคงไม่สามารถทำได้ เพราะส่วนใหญ่มักมองว่าคนเราเมื่อทำสิ่งหนึ่งได้ดีก็จะต้องมีสิ่งหนึ่งทำได้แย่กว่า เช่น การทำงานหนักมากๆ ก็จะทำให้ไม่มีเวลาให้ครอบครัว หรือไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ เป็นต้น แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยหากเข้าใจเคล็ดลับอย่างถูกต้อง

เคล็ดลับที่ว่าดังกล่าวนี้ คือ การจัดสรรเวลาในการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ใช้เวลาใน 24 ชั่วโมงที่เกิดขึ้นอย่างคุ้มค่า วางแผนเวลาการทำงาน การออกกำลังกาย พักผ่อน และมีเวลาสำหรับครอบครัว หากคุณยังไม่เคยจัดตารางเวลาชีวิตประจำวันให้กับตัวเองแล้วก็ถึงเวลาที่ควรลองทำดูบ้าง เวลาครอบครัวให้หยุดคิดเรื่องงาน เวลางานก็ทำอย่างเต็มที่ และ Work Life Balance จะตามมาเอง

จัดสรรเวลาชีวิตประจำวัน

รู้จักผ่อนคลายด้วยงานอดิเรก

การใช้เวลาว่างกับงานอดิเรกที่ตัวเราชอบนั้นจะช่วยให้หายเครียดได้มากทีเดียว ลองหาสิ่งที่ตัวเองชอบทำในเวลาว่างดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ เล่นดนตรี ดูหนัง ฟังเพลงโปรด หรือการออกกำลังกาย รดน้ำต้นไม้ ช่วยเยียวยาจิตใจได้มากทีเดียว แต่ไม่แนะนำให้ใช้เวลาว่างไปกับการเลื่อนดูฟีดโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ร่างกาย สายตา ได้พักผ่อนแล้ว ยังทำให้เราเสพสื่อ หรือ ข่าวที่ทำให้จิตตกเครียดไปกว่าเดิมได้

การใช้เวลาว่างทำกิจกรรมที่ชอบ งานอดิเรก หรือเปิดใจทำสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน จะช่วยให้เราเอาตัวเองออกมาจากความเครียด ความคิดลบภายในจิตใจและลืมเรื่องเหล่านั้นได้ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจได้พบเจอกับเรื่องราวใหม่ๆ ที่ทำให้เราได้มุมมองชีวิตกลับมาจนทำให้เรามองเรื่องที่เครียดกดดันก่อนหน้านั้นไปอีกมุมหนึ่งเลยก็ได้ ในอนาคตเรื่องเครียดก่อนนั้นอาจเป็นปัญหาที่เล็กเพียงนิดเดียวเมื่อได้มุมมองใหม่ๆ

รู้จักผ่อนคลายด้วยงานอดิเรก

เปลี่ยนความคิดมองบวก

การจมในความคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากไปก็ทำให้เกิดความเครียดแบบไม่รู้ตัว หรือถ้าตมอยู่ในความวิตกกังวลเอามากๆ จะเกิดเป็นความเครียดสะสม ส่งผลกระทบให้เกิดความทุกข์ใจตามมา ทางวิทยาศาสตร์ยังพบว่าความคิดจะสัมพันธ์กับสมอง เมื่อเราคิดแบบหนึ่งสมองก็จะตอบสนองตามที่เราคิดไปเองโดยที่เราไม่รู้ตัว

ดังนั้นหากตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม วิธีที่ดี คือ ให้นำตัวเองออกจากความเครียดและมุมมองความคิดเชิงลบนั้น ลองปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่และให้สมมติตัวเองว่าเป็นคนนอกที่ยืนดูความเครียดนั้นบ้าง จะทำให้เรามองเห็นสาเหตุของปัญหาและแนวทางแก้ไขว่าจะเอาตัวเองออกจากปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร หรือคิดบวกและมองข้ามเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้นได้

ความเครียดอยู่กับเราไม่นานก็หายไป

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความเครียด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และเมื่อมีเกิดขึ้น ก็ต้องมีดับไป ดังคำกล่าวทางธรรมมะที่ว่า “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” เปรียบเสมือนกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อมันคงอยู่ไม่นานก็จะหายไป เราก็จะเลิกคิดมาก เลิกเครียดได้ในที่สุด และเมื่อเรามองกลับมาจะพบว่าความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ เพียงใช้ชีวิตให้มีความสุข มองโลกในแง่บวก ทุกอย่างดีขึ้นแน่นอน

เปลี่ยนความคิดมองบวก
แชร์เนื้อหานี้
Tags